โครงการ ตรัง ดัง เด่น : เมืองเรียนรู้อิสระเสรีบนทุนทางวัฒนธรรมจีน
ภายใต้กรอบการวิจัย “การยกระดับและขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City)” ภายใต้แผนงานย่อยรายประเด็น “พัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning city)” ประจำปีงบประมาณ 2567
ยุทธศาสตร์ที่ | 2 การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหา ท้าทายและปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม |
แผนงาน | P13 (S2) พัฒนาเมืองน่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ทุกภูมิภาค โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม |
แผนงานย่อย | N22 (S2P13) พัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) |
แผนงานรายประเด็น | พัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning city) |
กรอบการวิจัย | การยกระดับและขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) |
เป้าหมาย (Objective) | O1 P13: พัฒนาเมืองน่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ทุกภูมิภาค ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมี เมือง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งพื้นที่ทดลองนวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Sandbox) โดยเมืองน่าอยู่มุ่งเน้นผลสำเร็จของการพัฒนาตาม 5 มิติ (มิติการพัฒนาคน มิติสิ่งแวดล้อม มิติเศรษฐกิจและความมั่งคั่ง มิติความสงบสุขและความปลอดภัย และมิติความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา) ของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
ผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ-หลัก (Key Result)* | KR1 P13: จำนวนเมืองน่าอยู่ตาม 5 มิติของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (เพิ่มขึ้นจำนวน 50 เมือง) |
ผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ-รอง (Key Result)* | KR4 P13: จำนวนนโยบาย มาตรการ และกลไก ที่เป็นนวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Sandbox) ของการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้นจำนวน 100 ชิ้น) KR5 P13: จำนวนผู้นำเอาผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาเมือง ไปถ่ายทอดและ/หรือใช้ประโยชน์ โดยความร่วมมือกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ (เพิ่มขึ้นจำนวน 1,200 คน) |
บทสรุปผู้บริหาร
ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ที่ได้วางวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน และภายใต้การขับเคลื่อนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้ประเด็น “การยกระดับและขับเคลื่อนเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City)” ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในมิติการพัฒนาด้านการศึกษา ดังนั้นแนวคิด “การศึกษาตลอดชีวิต” (lifelong learning) จึงมีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน และนำไปสู่เครือข่ายระดับโลกด้านเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก (UNESCO Global Network of Learning Cities: GNLC)
จังหวัดตรังเป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งการกิน” มีการเล่าขานถึงการกิน 9 มื้อ ย่อมหมายถึงการที่ผู้คนในจังหวัดสามารถใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบเพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารประเภทต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ซึ่งเมนูอาหารโดยส่วนใหญ่เกิดจากวัฒนธรรม แต่ทว่าอาหารจีนท้องถิ่นบางรายการยังมีอยู่ในครัวเรือนหรือมีจำหน่ายเฉพาะในเทศกาลสำคัญเท่านั้น นอกจากนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรม เทศกาลและพิธีกรรมของตัวเองผ่านภาพสะท้อนของอาหารจีนและศาลเจ้า ศาลเจ้าเปรียบเสมือนเป็นระบบสัญลักษณ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมความสัมพันธ์หรือเพื่อสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวให้แก่คนในกลุ่มของตน และยังเป็นสถานที่ศูนย์รวมทางด้านศิลปวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ เช่น มหรสพจีน (งิ้ว) ดนตรีจีน มโนราห์ และหนังตะลุง ฉะนั้นจากเมนูอาหารจีนท้องถิ่นที่มีมากกว่า 100 รายการ ศาลเจ้ามากกว่า 100 แห่ง ศิลปวัฒนธรรมจีนที่หลากหลาย ผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงการ “ตรัง ดัง เด่น : เมืองเรียนรู้อิสระเสรีบนทุนทางวัฒนธรรมจีน” ภายใต้แนวคิด “Learn to be” ซึ่งนำไปสู่อัตลักษณ์วิถีชีวิตที่มีความประณีตของผู้คนและของเมือง อีกทั้งธำรงไว้ซึ่งการอนุรักษ์ภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมที่จะสูญหายไปตามกาลเวลา
โครงการนี้ประกอบด้วยกระบวนการต้นทางโดยสร้างการเรียนรู้ของผู้คนในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยมีปราชญ์/ผู้เชี่ยวชาญ/นวัตกรชุมชน เล่าขานความเป็นมาวิถีชีวิตภูมิปัญญาและประสบการณ์ที่ร้อยเรียงผ่านกาลเวลา แบ่งเป็นตำนานอาหารจีนที่โด่งดังถึงปัจจุบัน ตำนานการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในท้องถิ่น และตำนานวัฒนธรรมประเพณีชาวจีน กระบวนการกลางทาง โครงการฯ ได้สร้างระบบนิเวศในการเรียนรู้อิสระเสรีแก่บุคคลทุกช่วงวัยในทุกสถานที่ ทั้งในระดับครอบครัวหรือชุมชน โดยมีความร่วมมือของเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน การใช้พื้นที่สาธารณะให้เป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อนำอัตลักษณ์วัฒนธรรมจีนไปสู่การพัฒนาในเชิงพาณิชย์ และอนุรักษ์รวมถึงบริหารความเสี่ยงในการสาบสูญไปตามกาลเวลา และกระบวนการปลายทาง โครงการฯ มีการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อยกระดับเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ของชุมชน (Digital Transformation) ซึ่งสอดคล้องกับจังหวัดตรังได้รับตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย “โครงการเมืองศรีตรัง (Sri-Trang City)” เมื่อปี 2564 ฉะนั้นการดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนในท้องถิ่นดั้งเดิมกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชั้นการศึกษา และชุมชนโดยตรง เปิดโอกาสให้ผู้คนมาสัมผัสเรียนรู้ อนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมข้างต้น ก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทำให้ชุมชนเกิดความเสมอภาคพึ่งพาตนเองได้ เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ และนำไปสู่การเป็นประเทศที่มีความสุขในโลกดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกระดับในอนาคต
Executive Summary
Thailand’s 20-Year National Strategy (2018–2037) defines a vision of the nation becoming “a developed country with secure, prosperity and sustainability in accordance with the Sufficiency Economy Philosophy”, improving the happiness of the entire population. Spearheaded by the Programme Management Unit on Area-Based Development (PMU A), and addressing the theme of enhancing and promoting learning cities in line with the Sustainable Development Goals (SDGs) covering educational development, the concept of ‘lifelong learning’ is of crucial importance nowadays. This has led to the establishment of the UNESCO Global Network of Learning Cities (GNLC).
Trang, located in the south of the country, is known as the ‘city of eating’. The notion of its residents eating nine meals per day is believed to reflect the ability of the province’s people to utilise resources and ingredients to create a variety of dishes. Cultural influences shape most menus, with some local Chinese dishes only being made in people’s homes or being sold during major festivals. Additionally, Thai people of Chinese descent place considerable importance on the arts, festivals and rituals, which are in turn mirrored by Chinese food and shrines. The latter hold systemic symbolic value for Thais of Chinese descent, having been created to foster relationships and provide a sense of belonging within the relevant community. They also serve as centres for cultural, social and economic activities, such as Chinese opera, other Chinese music and traditional performances such as Manora (a theatrical, musical and acrobatic dance performance) and Nang Talung (shadow puppetry). Given the existence of over 100 local Chinese dishes, more than 100 shrines and a diverse array of Chinese arts, the researchers initiated the project Tremendous – Trendy – Trang: A City of Limitless Learning Drawing on Chinese Cultural Resources under the concept ‘learn to be’, which underpins the intrinsic identity of the city and its people while preserving the wisdom of arts that might have otherwise been lost over time.
This project starts with an initial process that fosters learning among the members of this multicultural society, involving specialists in their field, experts and community innovators who narrate the history, lifestyle, wisdom and experiences of people of Chinese heritage in Trang through the generations. The project distinguishes between various legends: the legends of Chinese food, the legends surrounding Chinese settlement in the area, and the legends of Chinese cultural traditions. The intermediate stage of the process sees the creation of an ecosystem for free and independent learning for individuals of all ages everywhere, whether in a family or community setting, involving the collaboration of both public and private networks. It uses public spaces to effectively transmit knowledge, with a view to promoting the commercial development of Chinese cultural identity, while also preserving this identity and managing the risks of its loss over time. In the final phase of the process, the project applies technological innovations to enhance economic value and boost community income (digital transformation), dovetailing with the recognition of Trang as one of Thailand’s ‘Smart Cities’, with the 2021 ‘Sri-Trang City Project’. Thus, this project represents a blend of traditional local Chinese culture with future technology, directly reaching people of all genders, ages, educational levels and communities. It opens up opportunities for individuals to experience, learn and preserve this culture, thereby fostering lifelong learning and human resource development, leading to a self-reliant and equitable society, creating a circular economy in the local area and paving the way for a happy country that will attract all kinds of tourism in the future.
ขอบเขตการศึกษา
ขอบเขตด้านพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอกันตังในจังหวัดตรัง ได้นำมาแสดงในร่างแผนที่แหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ทั้งในบริบทของศิลปวัฒนธรรมจีน และอาหารชาติพันธุ์จีน
